แหล่งเรียนรู้ “วัดภูพานอุดมธรรม ตำนานดานสาวคอย วิมานแห่งความรัก สู่เส้นทางธรรม”
“วัดภูพานอุดมธรรม” ชื่อเดิม คือ วัดดานสาวคอยวนาราม ตั้งอยู่ที่บ้านดานสาวคอย หมู่ที่ 12 ตำบลนาแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2528 มีการประดิษฐาน "พระพุทธมหามงคลบพิตรจัตุรทิศประทานพร" อันเป็นสัญลักษณ์ของการยุติการสู้รบเพื่อนำความสงบสุขมาสู่ดินแดนแห่งนี้ ต่อมาสำนักสงฆ์แห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็น "วัดดานสาวคอยวนาราม" เมื่อปี พ.ศ. 2546 จากนั้นปี พ.ศ. 2547 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า "วัดภูพานอุดมธรรม” พร้อมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญตราสัญลักษณ์เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบมาประดิษฐาน ณ ผ้าทิพย์องค์พระพุทธมหามงคลบพิตรจัตุรทิศประทานพร
วัดภูพานอุดมธรรม (ดานสาวคอย) ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานน้อย มีตำนานเล่าขานกันมากว่า 100 ปี ว่าสถานที่แห่งนี้ในสมัยก่อนหนุ่มสาวชาวบ้านเวลาจะไปหาของป่า ล่าสัตว์ หรือกระทั่งเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย จะใช้เป็นที่นัดหมายมาคอยกันที่นี่ เพื่อนัดพบและพลอดรักกัน หรือมาเที่ยวชมความงามกันตลอดเวลา
จึงได้ชื่อว่า “ลานสาวคอย” โดยผู้เฒ่าแก่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า สมัยก่อนเทือกเขาภูพานนั้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก มีสัตว์ป่ามากมาย ต้นไม้เขียวขจี ในป่าที่อุดมสมบูรณ์มีลานหินมากมาย และมีลานหินลานหนึ่งที่มีความร่มเย็น ซึ่งเป็นที่ที่หนุ่มสาวคู่หนึ่งนัดเจอกัน ความรักของทั้งคู่กำลังบานสะพรั่งและเป็นความรักที่บริสุทธิ์ ความรักของพวกเขาไม่ได้ราบรื่นสวยงามเหมือนถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เนื่องมาจากชายหนุ่มผู้เป็นคนรัก นั้นเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจนมาก ๆ แต่เขาก็รักคนรักของเขาด้วยใจที่บริสุทธิ์ ผู้เป็นฝ่ายหญิงก็ไม่เคยรังเกียจหรือดูถูกฝ่ายชายเลย มีแต่ทวีความรักให้ฝ่ายชายมากขึ้นทุกวัน แต่ความรู้สึกของพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้คิดเหมือนที่ลูกสาวของตนคิด เขาจึงอยากให้ลูกเขยรวยและเหมาะสมกับฐานะของตน พ่อแม่ของฝ่ายหญิงจึงทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางความรักของลูก โดยไม่ยอมให้สองคนนั้นได้พบเจอกันเลย แล้วเรื่องเศร้าก็เกิดขึ้น เมื่อฝ่ายหญิงได้เขียนจดหมายไปให้ฝ่ายชาย โดยฝากไปกับคนใช้ที่บ้าน เพื่อนัดเจอกันที่ลานหินบนภูเขาที่นัดเจอกันประจำ แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงได้กำชับและย้ำกับคนใช้ทุกคนว่า ถ้าผู้เป็นลูกสาวตนฝากของให้ใครต้องเอามาให้ตนดูก่อน ผู้ที่เอามาให้ดูจะได้รับรางวัลอย่างงาม เมื่อถึงวันเวลาตามที่นัดหมาย ฝ่ายหญิงก็ได้ไปรอตามนัด และก็รอจนแล้วจนเล่าชายคนรักก็ไม่มา ฝ่ายหญิงเสียใจมากที่ชายคนรักไม่มาตามนัดจึงได้ตรอมใจตาย ณ หน้าผาแห่งนั้น
จนเมื่อหลายวันผ่านไป ผู้เป็นพ่อแม่รู้สึกเอะใจเหตุใดลูกสาวจึงไม่ยอมกลับบ้าน จึงส่งคนออกตามหา และก็พบเพียงร่างไร้วิญญาณของลูกสาว เมื่อชายคนรักรู้ข่าวจึงเสียใจมาก เขาไปที่หน้าผาแห่งนั้น แล้วกระโดดหน้าผาตายตามหญิงคนรักไป
หลายปีผ่านไป ก็ได้มีพระธุดงค์ผ่านไปแถวนั้นและได้ปักกรดบำเพ็ญภาวนาที่หน้าผาแห่งนั้นพระธุดงค์เห็นเป็นที่เหมาะสมที่จะเป็นวัด จึงได้ไปบอกบุญแก่ชาวบ้านมาสร้างวัด และวัดนั้นก็ได้ชื่อว่า “วัดดานสาวคอย” “ดาน” ในที่นี้ หมายถึง หินดินดานหรือลานหิน
วิวทิวทัศน์หน้าอุโบสถ
ในอดีตพื้นที่ดังกล่าว เป็นฐานที่ตั้งมั่นของกลุ่มบุคคลที่มีความคิดขัดแย้งทางด้านการเมือง และเป็นสถานที่ มีการสู้รบอย่างรุนแรง ชนิดที่เรียกว่า "มีความตาย และคราบเลือด อยู่ทั่วทุกอณูของพื้นแผ่นดิน" นอกจากนี้แล้ว บริเวณพื้นที่มีถ้ำต่าง ๆ มากมาย จากลานธรรมสวนสมเด็จ หน้าอุโบสถ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั่วบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะองค์พระธาตุพนม ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก นับเป็นทัศนียภาพ ที่หาดูได้ยากแห่งหนึ่ง พ.ศ. 2527 นายสุนทร จัตุชัย นายอำเภอนาแกในสมัยนั้น ได้นำคณะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ข้าราชการในพื้นที่ ขึ้นสำรวจภูมิทัศน์ดานสาวคอย และเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ เหมาะแก่การสร้างศาสนสถาน จึงชักชวนผู้มีจิตศรัทธา รวมถึงกลุ่มบุคคลที่มีความคิดขัดแย้งทางด้านการเมืองให้กลับเข้ามา เพื่อร่วมพัฒนาชาติไทย ตามแผนการเมืองนำการทหาร (66/2523) โดยรวบรวมเงินเพื่อสร้างพระพุทธรูป เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการยุติการสู้รบ และนำความสงบร่มเย็นมาสู่ดินแดนแห่งนี้
พระพุทธมหามงคลบพิตรจัตรุทิศประทานพร
วันที่ 27 กรกฎาคม 2527 นายวิโรจน์ อำมะรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ในขณะนั้น ได้เป็นประธาน ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เพื่อสร้างองค์พระพุทธรูป แต่ในคืนวันนั้นเอง ได้มีผู้ไม่ปรารถนาดีทำลายฐานวางศิลาฤกษ์ และได้นำสิ่งของอันมีค่าที่บรรจุไว้ไปทั้งหมด ด้วยพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนใน อ.นาแก 144 หมู่บ้าน ในที่สุดก็สร้างพระพุทธรูปเสร็จ โดยมีขนาด หน้าตักกว้าง 11 เมตร สูง 14 เมตร ศิลปะเชียงแสนสิงห์ พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวต่อมาได้ถวายพระนามว่า "พระพุทธมหามงคลบพิตรจัตุรทิศประทานพร" ขณะเดียวกันเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงอนุโมทนา และประทานพระบรมสารีริกธาตุเพื่อบรรจุไว้ ณ พระเกตุโมลี องค์พระพุทธมหามงคลบพิตรจัตุรทิศประทานพร
ลานหน้าอุโบสถ
ระยะแรกของการสร้างวัดนี้ การหาพระสงฆ์มาจำพรรษา เป็นเรื่องยากมาก เพราะขณะนั้น พื้นที่ดังกล่าวยังถือว่าเป็น พื้นที่สีชมพู ในที่สุดชาวบ้านได้พร้อมใจกันกราบนิมนต์ พระครูอุดมธรรมานุกูล (สุนทร อุตฺตโม) มาดูแลสำนักสงฆ์ ภูพานดานสาวคอยวนาราม จนกระทั่งได้รับอนุมัติตั้งเป็นวัด ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสมาจนถึงปัจจุบัน
เหตุผลหนึ่งของการนิมนต์พระครูอุดมธรรมานุกูล มาดูแลวัดนี้ เนื่องจากเมื่อครั้งเป็นฆราวาส ท่านเคยรับ ราชการเป็นตำรวจพลร่ม ค่ายนเรศวร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และมีประสบการณ์ทำงานในพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นอย่างดี รวมทั้งท่านยังเป็นพระลูกศิษย์ ที่มีความกตัญญู มีความเคารพผูกพันกับ พระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ) เป็นอย่างยิ่ง
วัดภูพานอุดมธรรม ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดร.สร้อยเพชร เรศานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บาชโทลด์ จำกัด และประธานดำเนินการกองทุน "สุวรรณวาจกกสิกิจ" ถือว่าเป็นพลังศรัทธาสำคัญในการเชิญชวนกัลยานมิตร รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา จากทั่วประเทศมาร่วมทำบุญสร้างวัดนี้
พ.ศ. 2538 สำนักงานปกครองอำเภอนาแก นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา นายอำเภอนาแกได้จัดทำโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ แหล่งฐานที่มั่นเก่าของกลุ่มชน ที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยมีการสร้างศาลาชมวิว และปรับปรุงบันได 221 ขั้น ที่เป็นทางขึ้นดานสาวคอย แต่เดิมในอดีต ก่อนที่จะมีการปรับปรุงถนน ตลอดจนการปลูกต้นไม้รอบบริเวณวัด
ภายในวัดมีการสร้าง “อุทยานพระธาตุประจำวันเกิดจำลอง 7 องค์” บนลานหินขนาดใหญ่ และมีศาลาการเปรียญอีกแห่งที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่งดงามบนหลังคา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัดแห่งนี้ ภายในห้องโถงของหลังคาพระใหญ่เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปหยกขาวขนาดใหญ่ศิลปะพม่า ขณะที่โดยรอบจุดนี้ จะมีลานหิน ซึ่งเป็นจุดชมวิว ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั้งแม่น้ำโขงฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว องค์พระธาตุพนม และหนองหารในจังหวัดสกลนคร
วัดป่าภูพานอุดมธรรม เป็นสถานที่ที่ไม่เคยหลับใหล จะมีนักท่องเที่ยวที่รักการ "แสวงบุญ" เดินทางมาเป็นหมู่คณะอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ฤดู กิจกรรมที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่การไหว้พระธาตุประจำวันเกิด และชมความสวยงามของทิวทัศน์เมืองนครพนม ซึ่งนับเป็นวัดที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ในแต่ละปีจะมีประชาชนมาทำบุญเป็นจำนวนมาก ทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาที่เน้นการปฏิบัติ โดยจะมีคณะบุคคลต่าง ๆ ขึ้นมาจัดกิจกรรมทางพุทธศาสนากันอยู่เสมอ
การเดินทาง สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางขึ้นไปทำบุญ เมื่อเดินทางถึงตัวอำเภอนาแก ไม่ว่าจะเดินทางมาจากตัวจังหวัดนครพนม ราว 67 กิโลเมตร จังหวัดสกลนคร ราว 50 กิโลเมตร หรือเดินทางมาจาก จังหวัดมุกดาหาร ราว 70 กิโลเมตร จะมีเส้นทางขึ้นสู่วัดเลี้ยวข้างที่ว่าการอำเภอนาแก มีป้ายบอกชัดเจน ระยะทางราว 5 กิโลเมตร จนถึงตีนเขา ส่วนเส้นทางเป็นถนนคอนกรีตอย่างดี ลัดเลาะจากตีนเขาขึ้นไป สองฟากทางมีต้นไม้น้อยใหญ่รกครึ้ม ดูเขียวขจีสายตา ให้ผู้ที่สนใจศึกษาธรรมชาติสองข้างทางได้ เมื่อถึงลานวัดจะมีลานจอดรถซึ่งเป็นลานหินธรรมชาติรองรับรถนับ 100 คันได้สบาย ๆ ตรงจุดลานหินธรรมชาติจากนั้นไหว้พระพุทธรูปเพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนจะเดินลัดเลาะลานหินกว้างชมต้นไม้ป่าที่ออกดอกสะพรั่ง ซึ่งมีทั้งดอกไม้ป่าให้ชมกันอย่างจำเริญตาทั้ง 3 ฤดู
ที่มา : นายทัศพร เชื้อตาพลอย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 ตำบลนาแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
อ้างอิงจาก https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/22243, สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2565
อ้างอิงจาก https://www.komchadluek.net/news/26577, สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2565
อ้างอิงจาก http://npmlocal.go.th/view_detail.php?boxID=935&id=27261, สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2565
อ้างอิงจาก https://www.mahatsachan.com/travel-tips/1668 , สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2565
เรียบเรียงโดย : นางสาวเกษร สร้อยจิตร ครูผู้ช่วย กศน.อำเภอนาแก
ภาพถ่ายโดย : นางสาวเกษร สร้อยจิตร ครูผู้ช่วย กศน.อำเภอนาแก
Post a Comment