พระพุทธรูปเขาเขาชีจรรย์
พระพุทธรูปเขาเขาชีจรรย์พระพุธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์พระใหญ่ ชุมชน ตำบลนาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เขาชีจรรย์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชลบุรีมายาวนานมากกว่า 20 ปี โดยตั้งอยู่ที่ตำบล นาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ติดกับทางหลวงชนบท ชบ. 1003 ใกล้กับไร่องุ่นซิลเวอร์เลค พัทยา สวนน้ำรามายณะ พัทยา บ้านกลับหัว พัทยา และวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร บริเวณด้านข้างเขาชีจรรย์ได้ปรับปรุงพื้นที่ให้กลายเป็นทุ่งดอกทานตะวันไว้ให้ไปถ่ายรูปอีกด้วย คนสัตหีบจึงไม่จำเป็นจะต้องไปไกลถึงลพบุรีแล้ว เมื่อมาเที่ยวแล้วก็สามารถเที่ยวได้อีกหลายที่เพราะเป็นบริเวณที่ใกล้ ๆ กันใช้เวลาเที่ยว 1 วันก็เที่ยวได้ครบทุกที่ เขาชีจรรย์เป็นภูเขาหินปูนรูปทรงสวยแปลกตา ถ้ามองจากระยะไกลจะเห็นว่าเขาชีจรรย์มีลักษณะเป็นภูเขาสูงโดดเด่น รูปร่างสวยแปลกตา คล้ายกรวย คว่ำทรงยอดแหลม ด้านหนึ่งจะเป็นหน้าผาตัดสูงชัน เนื่องจากเคยมีการระเบิดหินเพื่อใช้เป็นวัสดุก่อสร้างมาก่อน จึงเปิดให้เห็นเนื้อหิน เป็นหน้าผาค่อนข้างเรียบจนถึงยอดเขา จากฐานจนถึงยอดเขาสูงประมาณ 180 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลราว ๆ 248 เมตร สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวง ร.9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ซึ่งพระพุทธรูปจะแกะสลักด้วยแสงเลเซอร์ใหญ่สุดในโลก ความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของเขาชีจรรย์อยู่ตรงที่พระพุทธรูปแกะสลักแบบลายเส้น รูปประทับนั่ง ปางมารวิชัย ซึ่งได้แรงบัลดาลใจมาจาก "พระพุทธนวราชบพิตร" ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา พระพุทธรูปแกะสลักแบบลายเส้นนี้ ก่อนการดำเนินการก่อสร้างนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวินิฉัยฯ สรุปไว้ว่าควรจัดสร้างเป็นแบบลายเส้น แต่ให้ลึกและชัดขึ้นเห็นเป็นรูปพระพุทธรูปในระยะไกล และด้วยเขาชีจรรย์เป็นเขาหินปูน จึงต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัย โดยกันพื้นที่ด้านหน้าใกล้องค์พระเป็นเขตห้ามเข้าเด็ดขาด เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ก็ปรากฏว่าพระพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นมีความสูงมากถึง 109 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร มีฐานบัวสูง 21 เมตร รวมความสูงจากฐานของพระพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นแล้วก็มีความสูงทั้งหมด 130 เมตร ลักษณะของลายเส้นที่แกะสลักหินนั้น จะเป็นการแกะสลักลงในเนื้อหินให้เป็นร่อง ลึกกว้างประมาณ 30-40 เซนติเมตร ลึก 10 เซนติเมตร ฝังด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองเต็มร่อง มีชื่อพระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา แปลว่า พระพุทธเจ้า ทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรือง สว่าง ประเสริฐดุจดังมหาวชิระ ซึ่ง เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยปีที่ทำการสร้าง คือ พ.ศ. 2539 ปรากฏอยู่ด้านล่างของพระพระพุทธรูป นับว่าเป็นพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมีลักษณะการก่อสร้างที่แปลกใหม่ และยังงดงามทรงคุณค่า น่าศรัทธา พุทธศาสนิกชนก็สามารถมาไหว้ขอพร ทำกิจกรรมทางพระพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมได้ สามารถเดินเที่ยวชม ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย นอกจากพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นแล้ว บริเวณโดยรอบของเขาชีจรรย์ยังสวยงามน่าเที่ยวชม มีต้นไม้ น้อยใหญ่มากมาย พร้อมด้วยสวนสวย ตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากหลายสีสันตามฤดูกาล มีการนำไม้ประดับจากต่างถิ่นเข้ามาใช้ประดับตกแต่งภูมิทัศน์ มีสนามหญ้าเปิดโล่ง แบ่งพื้นที่ตามกิจกรรมการใช้งานอย่างชัดเจน เช่น ลานสำหรับชมพระพุทธรูปแกะสลัก จุดถ่ายรูปที่สามารถมองเห็นพระพุทธรูปได้อย่างชัดเจน อาคาร อเนกประสงค์ พื้นที่พักผ่อน และพื้นที่จอดรถ ซึ่งเหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ถ้ามาช่วงเย็น ๆ จะสามารถเดินเที่ยวได้อย่างสบายใจ ลมเย็น ๆ แถมได้ถ่ายรูปแสงพระอาทิตย์กำลังตกยิ่งสวยงาม จนกลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอีกที่นึงในตำบลนาจอมเทียน
ผู้ให้ข้อมูล : นายวีรากร มณ์ทรัพย์สุคนธ์/นางสาวสุรภา เชาวันดีผู้เรียบเรียง : นายทัพพเทพ อรเนตร
พระพุทธรูปเขาเขาชีจรรย์
พระพุธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์พระใหญ่ ชุมชน ตำบลนาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เขาชีจรรย์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชลบุรีมายาวนานมากกว่า 20 ปี โดยตั้งอยู่ที่ตำบล นาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ติดกับทางหลวงชนบท ชบ. 1003 ใกล้กับไร่องุ่นซิลเวอร์เลค พัทยา สวนน้ำรามายณะ พัทยา บ้านกลับหัว พัทยา และวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร บริเวณด้านข้างเขาชีจรรย์ได้ปรับปรุงพื้นที่ให้กลายเป็นทุ่งดอกทานตะวันไว้ให้ไปถ่ายรูปอีกด้วย คนสัตหีบจึงไม่จำเป็นจะต้องไปไกลถึงลพบุรีแล้ว เมื่อมาเที่ยวแล้วก็สามารถเที่ยวได้อีกหลายที่เพราะเป็นบริเวณที่ใกล้ ๆ กันใช้เวลาเที่ยว 1 วันก็เที่ยวได้ครบทุกที่ เขาชีจรรย์เป็นภูเขาหินปูนรูปทรงสวยแปลกตา ถ้ามองจากระยะไกลจะเห็นว่าเขาชีจรรย์มีลักษณะเป็นภูเขาสูงโดดเด่น รูปร่างสวยแปลกตา คล้ายกรวย คว่ำทรงยอดแหลม ด้านหนึ่งจะเป็นหน้าผาตัดสูงชัน เนื่องจากเคยมีการระเบิดหินเพื่อใช้เป็นวัสดุก่อสร้างมาก่อน จึงเปิดให้เห็นเนื้อหิน เป็นหน้าผาค่อนข้างเรียบจนถึงยอดเขา จากฐานจนถึงยอดเขาสูงประมาณ 180 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลราว ๆ 248 เมตร สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวง ร.9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ซึ่งพระพุทธรูปจะแกะสลักด้วยแสงเลเซอร์ใหญ่สุดในโลก ความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของเขาชีจรรย์อยู่ตรงที่พระพุทธรูปแกะสลักแบบลายเส้น รูปประทับนั่ง ปางมารวิชัย ซึ่งได้แรงบัลดาลใจมาจาก "พระพุทธนวราชบพิตร" ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา พระพุทธรูปแกะสลักแบบลายเส้นนี้ ก่อนการดำเนินการก่อสร้างนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวินิฉัยฯ สรุปไว้ว่าควรจัดสร้างเป็นแบบลายเส้น แต่ให้ลึกและชัดขึ้นเห็นเป็นรูปพระพุทธรูปในระยะไกล และด้วยเขาชีจรรย์เป็นเขาหินปูน จึงต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัย โดยกันพื้นที่ด้านหน้าใกล้องค์พระเป็นเขตห้ามเข้าเด็ดขาด เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ก็ปรากฏว่าพระพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นมีความสูงมากถึง 109 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร มีฐานบัวสูง 21 เมตร รวมความสูงจากฐานของพระพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นแล้วก็มีความสูงทั้งหมด 130 เมตร ลักษณะของลายเส้นที่แกะสลักหินนั้น จะเป็นการแกะสลักลงในเนื้อหินให้เป็นร่อง ลึกกว้างประมาณ 30-40 เซนติเมตร ลึก 10 เซนติเมตร ฝังด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองเต็มร่อง มีชื่อพระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา แปลว่า พระพุทธเจ้า ทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรือง สว่าง ประเสริฐดุจดังมหาวชิระ ซึ่ง เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยปีที่ทำการสร้าง คือ พ.ศ. 2539 ปรากฏอยู่ด้านล่างของพระพระพุทธรูป นับว่าเป็นพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมีลักษณะการก่อสร้างที่แปลกใหม่ และยังงดงามทรงคุณค่า น่าศรัทธา พุทธศาสนิกชนก็สามารถมาไหว้ขอพร ทำกิจกรรมทางพระพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมได้ สามารถเดินเที่ยวชม ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย นอกจากพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นแล้ว บริเวณโดยรอบของเขาชีจรรย์ยังสวยงามน่าเที่ยวชม มีต้นไม้ น้อยใหญ่มากมาย พร้อมด้วยสวนสวย ตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากหลายสีสันตามฤดูกาล มีการนำไม้ประดับจากต่างถิ่นเข้ามาใช้ประดับตกแต่งภูมิทัศน์ มีสนามหญ้าเปิดโล่ง แบ่งพื้นที่ตามกิจกรรมการใช้งานอย่างชัดเจน เช่น ลานสำหรับชมพระพุทธรูปแกะสลัก จุดถ่ายรูปที่สามารถมองเห็นพระพุทธรูปได้อย่างชัดเจน อาคาร อเนกประสงค์ พื้นที่พักผ่อน และพื้นที่จอดรถ ซึ่งเหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ถ้ามาช่วงเย็น ๆ จะสามารถเดินเที่ยวได้อย่างสบายใจ ลมเย็น ๆ แถมได้ถ่ายรูปแสงพระอาทิตย์กำลังตกยิ่งสวยงาม จนกลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอีกที่นึงในตำบลนาจอมเทียน
ผู้ให้ข้อมูล : นายวีรากร มณ์ทรัพย์สุคนธ์/นางสาวสุรภา เชาวันดี
ผู้เรียบเรียง : นายทัพพเทพ อรเนตร
Post a Comment