วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่เขตพื้นที่บ้านอาฮง อ. เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 21 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง แอ่งน้ำขนาดใหญ่จากฝั่งไทยถึงฝั่งลาวที่มีความยาวประมาณร้อยกว่าเมตร วัดอาฮงศิลาวาส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดบึงกาฬ ด้วยเหตุที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม พื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงเป็นแนวโค้งยาวประกอบกับมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องพญานาค ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาที่วัดอาฮง และแก่งอาฮง อย่างไม่ขาดสาย
มีความเชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัด คือ จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร บริเวณนี้จะมีน้ำจะไหลเชี่ยววนจนเป็นหลุมรูปกรวย หากมีพวกเศษไม้ ใบไม้หรือวัตถุเล็กๆ ติดอยู่จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นรูปกรวยประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงหลุดเคลื่อนไปในที่อื่น เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาอีกก็จะต่อตัวเป็นรูปกรวยขึ้นมาใหม่เกิดสลับกันไปตลอดทั้งวัน จึงทำให้เชื่อว่าที่นี่คือ จุดที่เป็น สะดือแม่น้ำโขง ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี สามารถมองเห็นแก่งอาฮง แก่งหินกลางลำน้ำโขงปรากาฎขึ้นมาเหนือน้ำ กลุ่มหินมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย
ภายในบริเวณวัดกว้างขวางและสวยงามมีอุโบสถหินอ่อน รูปทรงไทยประยุกต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่เนิน มีบันไดทางขึ้นมีพญานาคทอดตัวยาวไปจนเกือบถึงตัววิหาร ภายในอุโบสถตกแต่งแบบเรียบง่าย มีพระประธานลักษณะ คือ พระพุทธควานันท์ศาสดา ซึ่งมีความงดงามตระการตาเป็นพระ พุทธรูปที่มีพะพุทธลักษณ์คล้ายกับพระพุทธชินราช นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำสององศ์ ประดิษฐานอีกด้วย
ภายในวัดยังมีวิหารพระพุทธชินราช วิหารหลวงพ่อสุโขทัย และลานหินธรรมชาติ รวมถึงเจดีย์พระบรมธาตุอาฮง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูงสวยงามมองเห็นโดดเด่นจากริมถนน บรรยากาศของวัดติดริมน้ำโขง จัดทำเป็นเส้นทางเดินขนานไปกับแนวแม่น้ำ มีป้ายสะดือแม่น้ำโขงตั้งอยู่ตรงกลาง มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและร่มรื่น เมื่อมองข้ามไปยังฝั่งลาวคือ เมืองปากซัน จะเห็นเจดีย์สีทองตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนหินขนาดใหญ่ เหนือขึ้นไปคือแมกไม้สีเขียวชอุ่ม มีศาลเจ้าแม่สะดือแม่น้ำโขง ที่เคารพศรัทธา
ตำนานความเชื่อเรืองพญานาค
อีกตำนานหนึ่งเกี่ยวกับบริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาสแห่งนี้ เล่าต่อกันมาว่า ถัดไปทางฝั่งลาวใกล้กับจุดที่เป็นสะดือแม่น้ำโขงมีถ้ำใต้โขดหินใหญ่อยู่ใต้น้ำ เป็นที่อยู่อาศัยของปลาบึกและเป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคในช่วงวันออกพรรษา เพื่อมาร่วมทำบุญด้วยการปล่อยลูกไฟเป็นพุทธบูชาร่วมกับมนุษย์ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีลูกไฟ หรือที่เรียกกันว่าบั้งไฟพญานาคโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างแวะเวียนเข้ามาเที่ยวชมกันอยู่ทุกวัน
Post a Comment