ประวัติหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ บนเนินดินสูงเมืองเก่าบ้านทุ่งวังในอดีตที่เรียกว่า “เมืองโตงเนียง” มีการค้นพบพระพุทธรูปสูงใหญ่ปางมารวิชัย สมัยขอมเรืองอำนาจ ราวพุทธศตวรรษที่ 17 ทำด้วยหินทรายสีคล้ายดินลูกรังแดงอมส้ม หน้าตักกว้าง 2.50 เมตร สูง 2.10 เมตร นั่งประทับบนหินทรายที่นำมาเรียงกันเป็นแท่นหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ด้านหลังองค์พระพุทธรูปพิงกับต้นมะค่าแต้ ซึ่งเคยเกิดไฟไหม้แต่องค์พระพุทธรูปมิได้รับความเสียหายแต่ประการใด จึงที่เคารพสักการะของบุคคลทั่วไปตั้งชื่อตามลักษณะที่พบพระพุทธรูปว่า “หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ”
หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอเป็นโบราณวัตถุอันเป็นที่เคารพ สักการะคู่บ้านทุ่งวังมาตั้งแต่อดีต สันนิษฐานว่าประมาณปี พ.ศ. 2433 ชาวบ้านได้พร้อมใจกันสร้างที่บังแดดบังฝนขึ้นครอบองค์พระพุทธรูปหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอเป็นครั้งแรก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพระพุทธรูปมิได้เคลื่อนย้ายไปที่แห่งใดเลยแม้ว่าจะมีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ตามแปลนกรมศิลปากร(หลักฐานสมุดบันทึกของอธิการพุฒกิตติปัญโญเจ้าอาวาสวัดโนนสูงทุ่งสว่าง)หลวงพ่อใหญ่ดงแสนเป็นพระพุทธรูปรุ่นเดียวกับพระพุทธรูปบ้านวังปลัด อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ท่านใดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอสตึก หรือผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์จะต้องหาโอกาสมานมัสการทุกครั้งเมื่อได้เข้ารับดำรงตำแหน่ง
ปฏิหาริย์หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ
ปัจจุบันผู้ที่สักการะเคารพบูชาเหรียญของหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ รุ่นที่ 1 (สร้างเมื่อ พ.ศ. 2515) เชื่อว่าสามารถคุ้มครองอุบัติเหตุทางบกหรือบุคคลใดที่เข้าไปถ่ายรูปหลวงพ่อใหญ่แสนตอภายในโบสถ์ หากไม่ได้จุดธูปเทียนบอกกล่าวให้ท่านทราบก่อนมักจะถ่ายรูปองค์พระพุทธรูปไม่ติดฟิล์มจะมีสีดำมัว ๆ
ปัจจุบันมีการจัดงานนมัสการหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ ในเดือนเมษายน ทุก ๆ ปี ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน เพื่อรักษาประเพณีวัฒนธรรมในท้องถิ่น อันดีงามและให้งานนมัสการหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอให้คงอยู่สืบไป ทั้งนี้เพื่อประชาชนในหมู่บ้านของตำบลทุ่งวังและชุมชนใกล้เคียง ได้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาและพิธีกรรมต่าง ๆ
ท่ามกลางตอไม้นับแสน ๆ ตอมีการค้นพบพระพุทธรูปสูงใหญ่ปางมารวิชัย สมัยขอมเรืองอำนาจ ราวพุทธศตวรรษที่ 17ทำด้วยหินทรายสีคล้ายดินลูกรังแดงอมส้ม หน้าตักกว้าง 2.50 เมตร สูง 2.10 เมตร นั่งประทับบนหินทรายที่นำมาเรียงกันเป็นแท่นหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ด้านหลังองค์พระพุทธรูปพิงกับต้นมะค่าแต้ซึ่งเคยเกิดไฟไหม้แต่องค์พระพุทธรูปมิได้รับความเสียหายแต่ประการใด จึงที่เคารพสักการะของบุคคลทั่วไปตั้งชื่อตามลักษณะที่พบพระพุทธรูปว่า “ หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ ”
หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอเป็นโบราณวัตถุอันเป็นที่เคารพ สักการะคู่บ้านทุ่งวังมาตั้งแต่อดีต สันนิษฐานว่าประมาณปี พ.ศ. 2433 ชาวบ้านได้พร้อมใจกันสร้างที่บังแดดบังฝนขึ้นครอบองค์พระพุทธรูปหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอเป็นครั้งแรก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพระพุทธรูปมิได้เคลื่อนย้ายไปที่แห่งใดเลยแม้ว่าจะมีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ตามแปลนกรมศิลปากร ( หลักฐานสมุดบันทึกของอธิการพุฒกิตติปัญโญ เจ้าอาวาสวัดโนนสูงทุ่งสว่าง) ทางเข้าวัดโนนสูงทุ่งสว่าง หลวงพ่อใหญ่ตั้งอยู่บนเนินดินสูง ไม่มีการเคลื่อนย้ายไปไหน
หลวงพ่อใหญ่ดงแสนเป็นพระพุทธรูปรุ่นเดียวกับพระพุทธรูปบ้านวังปลัด อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ท่านใดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอสตึก หรือผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ จะต้องหาโอกาสมานมัสการทุกครั้งเมื่อได้เข้ารับดำรงตำแหน่ง
ปาฏิหาริย์หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ
ปัจจุบันผู้ที่สักการะเคารพบูชาเหรียญของหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ รุ่นที่ 1 (สร้างเมื่อ พ.ศ. 2515) เชื่อว่าสามารถคุ้มครองอุบัติเหตุทางบกหรือบุคคลใดที่เข้าไปถ่ายรูปหลวงพ่อใหญ่แสนตอภายในโบสถ์ หากไม่ได้จุดธูปเทียนบอกกล่าวให้ท่านทราบก่อนมักจะถ่ายรูปองค์พระพุทธรูปไม่ติดฟิล์มจะมีสีดำมัว ๆ ปัจจุบันมีการจัดงานฉลองสมโภชน์ในเดือนเมษายน ทุก ๆ ปี
ชุมชนบ้านทุ่งวัง สันนิษฐานว่าเคยเป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณมาตั้งแต่สมัยทวาราวดี ต่อมากลายเป็นชุมชนร้าง อาจจะด้วยสาเหตุจากภัยธรรมชาติ หรือสงคราม ประชาชนจึงกระจัดกระจายไปตั้งชุมชนเล็ก ๆ ตามป่า หรือชายแดน เรียกว่า "เขมรป่าดง" มีการพบพระพุทธรูป และแผ่นหิน ที่เป็นใบเสมา จากการสัมภาษณ์ นายอ่อน บูรณขจร กำนันตำบลทุ่งวัง คนแรก คำว่า บ้านทุ่งวัง แต่ก่อนเรียกว่า “บ้านโตงเนียง” แปลว่า “ชิงช้าของหญิง” ในช่วงต้นรัชกาลที่ 5 ได้มีกลุ่มคนที่อพยพมาจากเมืองท่าตูมและเมืองจอมพระ โดยมีผู้นำกลุ่ม 3 คน ประกอบด้วย ขุนชนะ ขุนประทะแดง และขุนทึง นำครอบครัวมาตั้งหลักแหล่งบริเวณโนนดินสูงบ้านทุ่งวัง ทำให้กลายเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.2481 ได้ยกฐานะเป็นตำบลทุ่งวัง ในเขตการปกครองของกิ่งอำเภอสตึก (อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์)
ทำเลที่ตั้งของบ้านทุ่งวัง
ในอดีตเป็นที่หลบซ่อนของนักโทษหนีการเกณฑ์ทหาร โจรปล้นจี้ การดำรงชีวิตของชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีการศึกษา อ่านหนังสือไม่ออก จะอยู่แบบหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เกรงว่าจะมีบุคคลอื่นมาปล้นจี้ ทรัพย์สินมีค่าของตน หรือทางราชการจะเข้ามาจับกุมไปลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง เลี้ยงชีพด้วยการหาของป่าและล่าสัตว์เป็นอาหาร มีอาชีพรับจ้างเลื่อยไม้ และเจาะต้นยางโดยการเผาเพื่อนำน้ำยางมาทำเป็นขี้ไตเชื้อเพลิง ที่ให้ความร้อนและแสงสว่างขาย จึงต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ นั่นคือที่มาของชุมชนโบราณบนเนินสูงทางทิศตะวันออกชื่อว่าบ้านทุ่งวัง ซึ่งมีความหมายดังนี้ "ทุ่ง" หมายถึงพื้นที่ราบ "วัง" หมายถึง แหล่งน้ำ "ทุ่งวัง" หมายถึง พื้นที่ราบที่ล้อมรอบด้วยแหล่งน้ำ เพื่อใช้เป็นปราการป้องกันข้าศึกศัตรูของหมู่บ้านหนองเกาะน้อยได้เป็นอย่างดี รอบ ๆ คูน้ำเต็มไปด้วยป่าไม้ไผ่ขึ้นอย่างหนาทึบ ใช้เป็นสถานที่เลี้ยงช้าง และสำหรับหลบซ่อนตีมีด ตีดาบเพื่อใช้เป็นอาวุธป้องกันตนเองและศัตรู ยังปรากฏร่องรอยเศษตะกรันเหล็กที่เกิดจากการเทเตาหลอมปะปนกับชั้นดินอยู่ทั่วไป การสัญจรระหว่างหมู่บ้านหนองเกาะน้อยกับหมู่บ้านข้างเคียงใช้เกวียนเทียมด้วยควายเป็นพาหนะ
เนินดินสูงบริเวณรอบบ้านทุ่งวังมี 7 เนิน ซึ่งประกอบด้วย
1) เนินดินสูงโรงเรียนบ้านทุ่งวังเก่า (ปัจจุบันถูกปรับพื้นที่ให้เป็นที่ราบใช้เป็นที่ตั้งสถานีตำรวจชุมชนตำบลทุ่งวัง และสถานที่จ่ายน้ำประปาหมู่บ้านทุ่งวัง)
2) เนินดินโคกสูง (คุ้มโคกยูง) อยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านทุ่งวังติดกับป่าช้าเก
3) เนินดินสูงที่ตั้งวัดโนนสูงทุ่งสว่าง
4) เนินดินสูงทิศตะวันตก เส้นทางไปหมู่ที่ 8 บ้านสมหวัง
5) เนินดินสูงคุ้มอนามัย ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสถานีอนามัยตำบลทุ่งวัง หมู่ที่ 15 บ้านตุงเวียง
6) เนินดินสูงโคกกลาง อยู่ตอนกลางของหมู่บ้านทุ่งวัง ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ หมู่ที่ 3 บ้านคุ้มต่ำ
7) เนินดินสูงบ้านหนองเกาะน้อย
ปัจจุบันเมืองเก่าบ้านทุ่งวัง แบ่งการปกครองออกเป็น 4 หมู่บ้านดังนี้
1. บ้านทุ่งวัง หมู่ที่ 1
2. บ้านคุ้มบ้านต่ำ หมู่ที่ 3
3. บ้านหนองเกาะน้อยหมูที่ 12
4. บ้านตุงเวียง หมู่ที่ 15
Post a Comment