ขนมที่เป็นได้ทั้งของหวานและของคาว ในบรรดาขนมไทยต้องยกให้ ขนมถั่วตัดมาอันดับหนึ่ง เป็นขนมชนิดเดียวที่มีการนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารคาวได้ มีส่วนประกอบสำคัญคือถั่ว ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นขนมที่รับประทานแล้วได้ประโยชน์แน่นอน ในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ มีชุมชนที่ริเริ่มและทำขนมถั่วตัดให้เป็นของดีของดังประจำชุมชนอยู่ที่บ้านรวงทอง หมู่ที่ 3 ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา
ขนมถั่วตัดรวงทอง เป็นขนมที่มีมานานกว่า 100 ปีแล้ว มีเรื่องเล่าว่าเมื่อก่อนเป็นการทำขนมทอฟฟี่ถั่วไว้กินเองในครอบครัวโดยไม่ต้องซื้อ เพราะอาหารประเภทถั่วมีประโยชน์กินแล้วแข็งแรง วัตถุดิบก็หาได้ง่ายภายในหมู่บ้าน บางครั้งใช้วิธีแลกเปลี่ยนกับข้าวสารบ้าง น้ำมันก๊าดบ้าง ต่อมาแม่ได้นำลูกๆ ทำขนมทอฟฟี่ถั่วแล้ววางขายในร้านค้า และขายในงานวัด ซึ่งสมัยก่อนจะใช้เตาดิน ก้อนเส้า กระทะเหล็ก ในการกวนขนม ราคาขายในสมัยนั้นอยู่ที่ 1 ชิ้น 5 สตางค์ พอจะมีรายได้เลี้ยงครอบครัว
ในปี พ.ศ. 2536 แม่ดวงใจ ทิศกลาง กับนางขวัญจิต ขีดกลาง ได้ช่วยกันทำขนมถั่วตัด โดยเริ่มทำขนมเพียงสองครอบครัว เป็นการลองผิดลองถูก ค้นหาสูตรที่ดีที่สุดในการทำขนมถั่วตัด แล้วทำขายภายในหมู่บ้าน และโรงเรียน หลังจากนั้นแม่ดวงใจ และนางขวัญจิต ได้มีโอกาสไปศึกษารูปแบบการทำขนมถั่วตัดจากอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาสินค้าของตนเอง แล้วเริ่มผลิตถั่วกระจก และงาตัดจำหน่ายเรื่อยมา
ขนมถั่วตัดมีขั้นตอนการทำโดยเริ่มจากเคี่ยวน้ำตาลกับแบะแซให้เหลืองและเหนียว จากนั้นใส่ถั่วที่คั่วจนสุกแล้วลงไปคนกับน้ำตาลเคี่ยวให้เข้ากัน เทลงบนภาชนะที่รองด้วยงา คลึงให้แบนด้วยไม้แล้วตัดด้วยมีดเป็นชิ้นขนาดพอดี ทิ้งไว้ให้แข็งตัวและเย็น นำบรรจุใส่ถุงปิดปากถุงให้แน่นเพื่อกันความชื้น สามารถเก็บไว้ทานได้นานหลายเดือน
เคี่ยวน้ำตาลกับแบะแซให้เหลืองและเหนียว จากนั้นใส่ถั่วที่คั่วจนสุกแล้วลงไปคนกับน้ำตาลเคี่ยวให้เข้ากัน
เทลงบนภาชนะที่รองด้วยงา
เมื่อปี พ.ศ. 2542 ได้มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็น “กลุ่มขนมถั่วตัดรวงทอง” ให้โอกาสชาวบ้านในบ้านรวง และหมู่บ้านใกล้เคียงเข้ามาเป็นสมาชิก ประมาณ 30 ครอบครัว ผลิตสินค้าขนมถั่วตัด งาตัด ถั่วทอดสมุนไพร วางจำหน่ายในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ในงานประจำปีฉลองชัยชนะท้าวสุระนารี (คุณย่าโม) และงานนิทรรศการหรืองานต่างๆ ที่ส่วนราชการจัดขึ้น ทำให้กลุ่มขนมถั่วตัดรวงทองมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhlq1pqIBWjHE1D_kHeAlD4rPs1DQyaJ3OYqr7c-ltUC8dAkUaJLHCg_5sFPM6e86-ngr15dSr0T8PWHIsCQZc2xpj_N4P4kcqv2VwouSDUdhjd6OD-igmn6_JeWyGwKAor51DGyDU8iR1z3RtnxjfQTYVTQK0v9bEY7yYj9Arr40nQJZ8xRtY2x96z=w400-h334)
ต่อมาปี พ.ศ. 2544 รัฐบาลมีนโยบาย หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ชุมชนสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และสร้างรายได้ ขนมถั่วตัดรวงทองนั้นได้รับการคัดเลือกให้เป็นสินค้า หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ของตำบลหนองงูเหลือม เพื่อส่งเข้าคัดสรรในปี พ.ศ. 2546 “กลุ่มขนมถั่วตัดรวงทอง” ผ่านการคัดเลือกและกลายเป็นผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ที่ได้รับคัดสรรระดับ 4 ดาว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองงูเหลือม สหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานภาครัฐ เป็นอย่างดี สามารถติดต่อซื้อขนมถั่วตัด งาตัด ได้ที่บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ที่ 3 บ้านรวง ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา และมีช่องทางการวางขายที่ร้านแม่เปีย หลังสถานีรถไฟท่าช้างและร้านขนมจีนครูยอดบ้านประโดก-โคกไผ่ หรือติดต่อสั่งซื้อทางออนไลน์ที่ เพจ ขนมถั่วตัดรวงทอง บ้านรวง และเพจ ขนมถั่วตัดรวงทอง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEisczUoa5FXrqeR2n7ltnxBIiZIp5ZbX7pGLP1Lz3CMEW_rkl4TUVOo3rpewbe9cvjmQwSfm8NBIafO3bjctr0o0qABz8UHkQvN1wauCRZxRfrglFxxRAmsVzlsaVk7nPmalGbGmgtwsbBqRT-Yiky8xMxYxRNLrwyxqfbJZjE5KKlaXEKMONXulFR3)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhzqXIQ2kl1VX-qbReJj8-uj7s89hyyesfEb5g4Ueatpbh84AJrocIkkd0cN7NzUtMbrYPmbSNkoz0JYCDDbDIJco8Z_XkmmL7PJQkuA5O35nZ0CXUKaCjyISnSmS1ye-kJxpdvJhfe_trPzEBghrbU8dWmVcs05pqAUCjxI-bycua3AHOCJley2tRi=w640-h531)
ขนมถั่วตัด มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นอาหารบำรุงร่างกายได้ดี เพราะถั่วเป็นแหล่งสารอาหารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ชะลอความแก่ชรา มีวิตามินบีสูงที่ช่วยให้การทำงานของสมองปกติ มีธาตุเหล็กสูงช่วยในการสร้างเม็ดเลือดไม่เสี่ยงเป็นโลหิตจางและดีต่อสุขภาพหัวใจ ช่วยควบคุมน้ำหนักเพราะมีโปรตีนสูง มีไขมันต่ำ ทั้งยังมีไฟเบอร์สูงจะช่วยให้อิ่มท้องได้ ทั้งนี้ต้องทานในปริมาณที่พอเหมาะต่อความจำเป็นของร่างกายในแต่ละวัน
ข้อมูลอ้างอิงจาก องค์การบริหารส่วนตำบลหนองงูเหลือม
ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นางสาวรวีวรรณ เชิงชัยภูมิ
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวรวีวรรณ เชิงชัยภูมิ
Post a Comment