“ฮาลาบาลา” หรือบางคนเรียก “บาลาฮาลา” เป็นป่าดิบชื้น ผืนใหญ่ที่สุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีพื้นที่ประมาณ 800,000 ไร่ มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ธารโต อ.เบตง จ.ยะลา ยาวไปจนถึง อ.สุคิริน อ.แว้ง อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และแนวเขตแดนที่ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย
อีกทั้งยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สามารถล่องเรือกินลมชมวิว ผมเดินทางจากปัตตานีมายัง ท่าเรือตาพะเยา อําเภอธารโต จังหวัดยะลา ด้วยรถส่วนตัว พอคุยกับคนขับเรือตกลงเรื่องราคาเรียบร้อยก็ถึงเวลากระโจนลงเรือไปชมความงามของทะเลสาบฮาลาบาลา ระยะเวลาที่ใช้ในการล่องเรือขึ้นอยู่กับเราเลยว่าจะใช้แต่ละจุดมากน้อยแค่ไหนล่องเรือฮาลาบาลา จะมี 3 จุดหลักที่คนขับเรือจะพาเราไปแวะชม
จุดแรก จะเป็น เกาะทวด เกาะน้ำจืดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบฮาลาบาลา ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงเกาะทวด บนเกาะจะเป็นที่ประดิษฐานหลวงปู่ทวด ถ้าดูจากจําานวนคนที่มาแก้บนวันที่ผมไปก็เชื่อได้เลยว่าที่นี่ให้โชคจริง บนเกาะไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่แวะเวียนเข้ามา ยังมีต่างชาติจํานวนมากที่มาที่นี่ โดยเฉพาะกับชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่ศรัทธามากถึงขนาดเหมาเรือมาไหว้พระแล้วก็กลับ เนื่องจากเกาะทวดเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กมากจึงไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ โดยปกติจะมีเจ้าหน้าที่แวะเวียนเข้ามาเฝ้าดูแล นอกจากบนเกาะจะมีสิ่งศักสิทธิ์ให้กราบไหว้บูชาแล้ว ยังมีเรือคายัคให้ทุกคนพายเล่นกันอีกด้วย
จุดที่สอง จุดนี้จะมีน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินลงมาที่ทะเลสาบ และจุดที่สองน่าจะเป็นจุดที่ใช้เวลานานที่สุด เพราะเราสามารถเล่นน้ำตก โดดน้ำได้เรื่อย ๆ จนพอใจ พอเหนื่อยเพลียจากการเล่นน้ำตกเรือก็พาผมแล่นชมธรรมชาติสองข้างทางมายังจุดสุดท้าย
จุดที่สาม จุดชมสะพานใหม่ สะพานขนาดใหญ่ที่สร้างไว้เชื่อมต่อสองฝั่งของทะเลสาบ อิ่มกับความงาม เซลฟี่ เก็บภาพเป็นที่ระลึกเรือก็จะวนพาเรามาส่งที่จุดเดิม เป็นอันจบภารกิจนั่งเรือชมวิวทะสาบฮาลาบาลา สุดท้ายผมอยากจะฝากบอกทุกคนว่าสามจังหวัดไม่ใช่พื้นที่โหดร้าย ที่นี่ยังมีที่ท่องเที่ยวสวย ๆ อีกมากมายที่รอให้ทุกคนแวะเวียนไปสัมผัส
Post a Comment