บุราณบ้านสวน
ศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตำบลละงู
ประวัติความเป็นมา
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยตำบลละงู อำเภอละงู ตั้งอยู่หมู่ที่ 12 อำเภอละงู จังหวัดสตูล สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสตูล ได้ผ่านการประเมินสถานศึกษาแบบอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (สถานศึกษาพอเพียง) เมื่อปี พ.ศ. 2556 จากนั้นได้มีการพัฒนาตนเอง หลักสูตรและแหล่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา นักศึกษา มีความรู้ความเข้าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ส่งผลให้สถานศึกษาประสบผลสำเร็จในเรื่องแหล่งเรียนรู้ และมีการขยายผลสู่ชุมชนทำให้มีอาชีพ สร้างรายได้จากการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์หลังจากเสร็จสิ้นจากการประกอบอาชีพหลัก นอกจากนี้ยังได้ขยายผลสู่สถานศึกษาอื่นเป็นภาคีเครือข่าย รับการถ่ายทอดหลักคิด การทำงาน การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 สถานศึกษาประสบความสำเร็จหลายอย่าง สถานศึกษามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา นักศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน เข้าใจและสามารถน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่วิถีชีวิตได้อย่างยั่งยืน จึงเห็นสมควรที่พัฒนาตนเองให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยมีโครงการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ต่อมาศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอละงู ได้เห็นความสำคัญของโครงการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้มีการพัฒนาต่อยอด ตามรอยพ่อหลวง มีการพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ ศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภายใน กศน.ตำบลละงู ได้มีการส่งเสริมและพัฒนา กศน.ตำบลละงู โดยมีเนื้อที่ทั้งหมดอาณาเขตตำบลละงู มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลเขาขาว
ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลปากน้ำ ทะเลอันดามัน
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอท่าแพ
ทิศตะวันตก ติดต่อกับตำบลกำแพง
ทิศทางความสำเร็จ
1. เพื่อให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประชาชน
2. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต
“วิธีการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา”
1. ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยแนวทางการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปจัดการศึกษา
2. จัดทำแนวทางการจัดการเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การเรียนการสอนโดยสอดแทรกทั้งในการจัดการเรียนการสอนทุกรายวิชาและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อให้เกิดการพัฒนาตามลำดับอย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ระดับบุคคลและครอบครัว สามารถนำไปประยุกต์ใช้นำไปขยายผลสู่ครอบครัวและชุมชนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
3. อบรมสัมมนาผู้บริหารการศึกษาให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
4. อบรมและพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปบูรณาการสู่การบริหาร การจัดการและการเรียนการสอน
5. จัดให้มีระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และส่งเสริม สนับสนุน การประสานการดำเนินงานของเครือข่าย
6. จัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศ ป้ายนิเทศและเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แหล่งเรียนรู้ชุมชนเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน
แหล่งเรียนรู้ชุมชนเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน
แต่เดิมพื้นที่บริเวณด่านเกวียนนั้นเป็นเมืองหน้าด่านที่เรียกว่า “ด่านกระโทก” ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าทางบกระหว่างนครราชสีมากับชายแดนกัมพูชา ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ํามูล ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมากคนท้องถิ่นส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทําไร่ทํานา และค้าขายพืชผลทางการเกษตร และด้วยความที่ในสมัยก่อนมีพ่อค้าเกวียนจํานวนมากมาหยุดพักกองคาราวานในบริเวณนี้ ชุมชนดังกล่าวจึงถูกเรียกชื่อใหม่ว่า “ด่านเกวียน”
แต่ก่อนที่จะมีคนไทยอพยพเข้าไปตั้งรกรากบริเวณชุมชนด่านเกวียน พื้นที่ดังกล่าวเป็นถิ่นอาศัยของชาวข่า ซึ่งเป็นคนเชื้อสายมอญ ดังนั้นเมื่อมาอยู่รวมกันจึงเกิดการถ่ายทอดกรรมวิธีการทําเครื่องปั้นดินเผาขึ้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนด่านเกวียนมักจะใช้เวลาในช่วงที่ว่างจากการทําเกษตรกรรมมาผลิตเครื่องปั้นดินเผาชนิดต่าง ๆ ไว้ใช้ในครัวเรือน อาทิ โอ่ง กระถาง ไห ครก รอฝนยา ฯลฯ รวมทั้งนําบางส่วนที่ผลิตได้ขนขึ้นเกวียนไปค้าขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้ากับประเทศกัมพูชา ด้วย
ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2485 จากนโยบายชาตินิยมของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่มุ่งเน้นให้เกิดการสร้าง รายได้จากสินค้าท้องถิ่น อันมีส่วนสําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ได้แพร่เข้ามาในชุมชน ด่านเกวียน จึงทําให้การผลิตมีวัตถุประสงค์เพื่อจําหน่ายมากยิ่งขึ้น จนชุมชนด่านเกวียนกลายเป็นแหล่งค้าเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงในวงกว้าง ปัจจุบันชุมชนเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน สามารถผลิตสินค้า ได้หลากหลายประเภท อาทิ เครื่องใช้ในชีวิตประจําวัน เครื่องใช้ทางการเกษตร ของตกแต่งบ้านและสวน รวมทั้งเครื่องประดับ โดยรูปแบบการผลิตยังคงเอกลักษณ์ทางภูมิปัญญาท้องถิ่นของด่านเกวียนเอาไว้ อย่างชัดเจน ทั้งวัตถุดิบที่นํามาใช้ผลิต การปั้น การตกแต่งลวดลาย และการเผา ให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี
ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา
ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา
หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เทิดไท้ มหาราชัน
นพค. 23 สนภ. 2 นทพ.
------------------------------------------------
การดำเนินงานของหน่วย
ศูนย์การเรียนรู้ ฯ ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นพื้นฐานการกำหนดกิจกรรมภายในศูนย์ ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ ฯ ของหน่วย จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 49 ตามนโยบายของ ผบ.นทพ. ในขณะนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์สมบัติครบรอบ 60 ปี ปัจจุบันได้จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ ฯ เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหน่วยได้จัดกำลังพลเข้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่ ต.ค. 56 – มิ.ย. 57 สรุปได้ดังนี้ มีบัญชีรายรับ 28,927 บาท รายจ่าย 6,287 บาท คงเหลือ 22,640 บาท มีผู้เข้าเยี่ยมชมศูนย์ ฯ จำนวน 135 คน และเปิดการฝึกอบรมการเพาะพันธุ์ปลากับเกษตรกร โดยร่วมกับ กศน. อ.นาด้วง จ.เลย ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 40 คน ในปี 2557 ได้ดำเนินการปรับปรุงบ่อพ่อ – แม่พันธุ์ปลา บ่ออนุบาลลูกปลา และการก่อสร้างอาคารโรงเพาะพันธุ์ปลานิลด้วยการเคาะปาก รวมทั้งการปรับสภาพแวดล้อมภายในศูนย์การเรียนรู้ ฯ ให้มีความเหมาะสม
แผนผังสังเขปการบริหารจัดการพื้นที่ของศูนย์การเรียนรู้ ฯ โดยทางหน่วยได้บริหารจัดการพื้นที่ภายในศูนย์ โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ภายในศูนย์ ดังนี้
ส่วนแผนผังของศูนย์การเรียนรู้ ฯ ประกอบด้วย
การจัดของศูนย์การเรียนรู้ ส่วนดังนี้
ไร่พอเพียง เนื่องจากศูนย์การเรียนรู้ของหน่วย มีพื้นที่ดำเนินการจำกัด จึงจัดกิจกรรมในพื้นที่ 1 ไร่พอเพียง รอบ ๆ บริเวณสระเก็บน้ำ ประกอบด้วย การปลูกพืชผักสวนครัวการเพาะเห็ด การเลี้ยงเป็ด การเลี้ยงไก่พื้นเมืองการเลี้ยงไก่ไข่ การเลี้ยงปลาดุกและการเลี้ยงกบในบ่อขนาดเล็ก การปลูกไม้ผลและการผลิตปุ๋ยชีวภาพ
พื้นที่ส่วนกลาง โดยใช้อาคารศูนย์รวมใจต้านภัยยาเสพติด นพค. 23 ฯ เป็นพื้นที่สำหรับอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่เข้ามาศึกษาดูงานและฝึกอบรม ประกอบด้วย
1. สถานที่บรรยาย
2. เก้าอี้นั่งรับฟังการบรรยาย
3. เครื่องขยายเสียง
4. ระบบไฟฟ้า ประปา แหล่งน้ำต้นทุน
5. ป้ายโครงการและแผนผังศูนย์การเรียนรู้
ป่าชุมชนบ้านวังตามน “เรียนรู้และสืบสานงานของพ่อ”...สุโขทัย
ป่าชุมชนบ้านวังตามน “เรียนรู้และสืบสานงานของพ่อ”...สุโขทัย
ตำบลนาขุนไกร เป็น 1 ใน 13 ตำบล ของอำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ที่มีความหลากหลายทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ และหนึ่งในนั้นก็คือ “ป่าชุมชนบ้านวังตามน” เป็นป่าชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เกิดจากความรัก ความสามัคคี ผสานวิถีชุมชนที่มีมาอย่างยาวนานของคนในชุมชน ที่ต้องการจะอนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ให้เป็นห้องครัวของชุมชน เป็นโรงหมอชาวบ้าน เป็นห้องเรียนธรรมชาติ และเป็นมรดกของชุมชนสืบถอดจากรุ่นสู่รุ่น
ประวัติความเป็นมาของป่าชุมชนบ้านวังตามน
เริ่มต้นจากมีประชาชนเข้ามาอยู่อาศัยจับจองที่ดินทำกินเมื่อปี พ.ศ. 2487 โดยการนำของพ่อน้อย แม่สุ่ม ต่อมามีชาวบ้านที่ชื่อตามน ได้เข้ามาล่าสัตว์ที่ป่าแห่งนี้ ซึ่งในสมัยนั้นยังมีสภาพเป็นป่าดิบ นายมนล่ากวางได้ 1 ตัว จึงนำไปทำอาหารที่ข้างหนองน้ำในบริเวณป่า และได้นอนพักที่ป่าแห่งนี้ 1 คืน เมื่อตื่นขึ้นมาปรากฏว่า ตามนเป็นไข้ตัวร้อนมาก มีอาการหนาวสั่น จึงสันนิษฐานว่าเป็นไข้ป่าหรือไข้มาลาเรีย นายมนพยายามเดินออกจากป่า แต่เนื่องจากสภาพป่าเป็นป่าดิบ การเดินป่ามีความยากลำบาก จึงใช้เวลาหลายวัน นายมนทนอาการไข้ไม่ไหวได้เสียชีวิตในป่าแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน “วังตามน” หลังจากนั้นได้มีประชากรย้ายเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 ได้ก่อตั้งหมู่บ้าน ชื่อบ้านวังตามนขึ้น ซึ่งขณะนั้นมีประชากร จำนวน 50 ครัวเรือน และได้มีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นที่กลางหมู่บ้าน ชื่อว่าโรงเรียนบ้านวังตามน (น้อยประชาสรรค์) ในปี พ.ศ. 2530 ได้มีการก่อตั้งสำนักสงฆ์ ชื่อวัดถ้ำระฆัง โดยการนำของพระบุญช่วย สาทโร และในปี พ.ศ. 2536 ได้ดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อการสร้างวัดจากกรมป่าไม้ เนื่องจากบริเวณที่สร้างวัดเป็นเขตป่าสงวน และได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 และมีการแต่งตั้งพระอธิการบุญช่วย สาทโร เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก
ในปี พ.ศ. 2546 ทางราชการได้มอบหมายให้ ส.ป.ก. เข้ามาจัดสรรพื้นที่ทำกินให้กับราษฎร และมีพื้นที่บางส่วนที่ถูกกันไว้เป็นพื้นที่ป่าสงวน แต่พื้นที่ป่าสงวนได้ถูกบุกรุกจับจองเป็นของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนดังกล่าว จึงทำให้ประชาชนในหมู่บ้าน โดยการนำของพระอาจารย์บุญช่วย สาทโร และผู้ใหญ่เสน่ห์ เป็นแกนนำประชาชนรวมตัวกันจัดตั้ง "กลุ่มรักษ์ป่าชุมชน" ขึ้น เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ไว้เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น และมีการเปิดป่าชุมชนบ้านวังตามนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546
ป่าชุมชนบ้านวังตามน เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีความหลากหลายทางด้านพันธุ์พืชต่าง ๆ จำนวนมาก สามารถเข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ ได้ โดยเริ่มจากไม้ระดับสูง เช่น ไม้สัก เต็ง รัง มะค่า ประดู่ ยูคาลิปตัส ไม้ชั้นกลาง เช่น ขี้เหล็ก เพกา ผักหวานป่า ไผ่ กระถินเทพา หวาย แก่นฝาง ห้อสะพายควาย ไม้ระดับต่ำ เช่น กล้วยป่า มะเหม่า กระถิน พวยงู กระเจียว ปอบิด ลูกใต้ใบ ฟ้าทะลายโจร ไม้เลื้อยต่าง ๆ เช่น มะระขี้นก ตำลึง และไม้หัวใต้ดิน เช่น กลอย ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพันธุ์พืชแล้ว ป่าชุมชนบ้านวังตามนยังเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศ จนคนในชุมชนเรียกป่าแห่งนี้ว่า เป็นซุปเปอร์มาเก็ตของชุมชน เพราะมีอาหารมากมายให้เก็บรับประทานได้ทุกฤดูกาล เช่น หน่อไม้ เห็ดชนิดต่าง ๆ ดอกกระเจียว พืชสมุนไพรรักษาโรคและบำรุงร่างกาย แต่การเข้าเก็บผลผลิตของป่าต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของหมู่บ้าน โดยมีทีมผู้นำที่มีความสามารถ นำโดยท่านพระครูโฆษิต บุญโญปถัมภ์ เจ้าอาวาสวัดถ้ำระฆังผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็งและประชาชนที่เคารพกฎระเบียบของหมู่บ้านเป็นสำคัญ จึงทำให้ป่าชุมชนแห่งนี้ไม่มีผู้บุกรุกผืนป่าเกิดความอุดมสมบูรณ์จนได้รับรางวัลการันตีมากมาย ดังนี้
1. รางวัลป่าชุมชนตัวอย่าง ระดับจังหวัด โครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ประจำปี 2551
2. โล่ประกาศเกียรติคุณ การดูแลช่วยเหลือราชการกรมป่าไม้ สาขาส่งเสริมและพัฒนาป่าชุมชน มอบให้กับพระอาจารย์บุญช่วย สาทโร เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2551
3. รางวัลป่าชุมชนตัวอย่าง ระดับภาค (ภาคเหนือ) ตามโครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2551 จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
4. รางวัลลูกโลกสีเขียว จากบริษัท ปตท. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555
5. รางวัลชนะเลิศ “ชุมชนจิตอาสาดีเด่น” จากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2564
กิจกรรมการเรียนรู้ของแหล่งเรียนรู้ ป่าชุมชนบ้านวังตามน “เรียนรู้และสืบสานงานของพ่อ” ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การศึกษาพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ พันธุ์พืชสมุนไพรในท้องถิ่น ของป่าหายาก การศึกษาแหล่งเตาเผาปูนโบราณ การปลูกป่าชุมชนและสร้างแนวกันไฟ และการศึกษาเรียนรู้กิจกรรมสำคัญทางศาสนา เนื่องจากมีวัดถ้ำระฆัง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณป่าชุมชนบ้านวังตามน มีประเพณีตักบาตรเทโวที่ยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยมีพระสงฆ์เดินรับบิณฑบาตลงมาจากบันไดเขาถ้ำระฆัง ซึ่งมีจำนวน 649 ขั้น นับเป็นกิจกรรมสำคัญทางศาสนาที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนบ้านวังตามนและชุมชนใกล้เคียง มีกิจกรรมฟังเทศน์ ปฏิบัติธรรม ค่ายคุณธรรมของสถานศึกษา เนื่องจากบริเวณวัดมีความสงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง
ปัจจัยที่ทำให้แหล่งเรียนรู้ ป่าชุมชนบ้านวังตามน ประสบความสำเร็จในการเป็นแหล่งเรียนรู้ระดับพื้นที่ คือ ความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชน การร่วมแรง ร่วมใจในการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างบ้าน วัดและโรงเรียน ที่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบายการจัดการศึกษาในทศวรรษที่ 21
ข้อมูลเนื้อหา : นางชุติมณฑน์ ขำสาธร
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ : นางชุติมณฑน์ ขำสาธร
ข้อมูล TKP อ้างอิง :https://264sukhothai.blogspot.com/2020/07/blog-post_60.html?m=0