TKP HEADLINE

Showing posts with label 02.แหล่งเรียนรู้. Show all posts
Showing posts with label 02.แหล่งเรียนรู้. Show all posts

บุราณบ้านสวน

บุราณบ้านสวน


“บุราณบ้านสวน” เป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ชุมชนสามแยกบ้านสวน ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีนายประเสริฐ ยุวกาฬกุล จากหนุ่มช่างกลเมืองพัทลุงเมื่อแต่งงานและย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพานสู่การเป็นเกษตรกรต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นผู้ดำเนินกิจกรรม ภายในในศูนย์การเรียนรู้ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีจิตอาสา มีแนวทางและความมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเกษตรต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร มาปรับใช้ในการทำเกษตร และเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อเผยแพร่ความรู้ในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ให้แก่คนในชุมชนและผู้ที่สนใจทั่วไปได้ศึกษาเรียนรู้ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจและเข้าศึกษาดูงานทั้งรายบุคคล และกลุ่มหน่วยงาน เป็นจำนวนมาก โดยเริ่มแรก นายประเสริฐ ยุวกาฬกุล มีการใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และยาปราบวัชพืช ในการปลูกพืชผัก ผลไม้ แต่พบว่าการใช้สารเคมีทำให้มีต้นทุนการผลิตสูง แถมประสบปัญหาแพ้สารเคมี จึงตัดสินใจเลิกใช้สารเคมีอย่างเด็ดขาด และหันมาทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน เน้นเรื่องความปอดภัย นอกจากจากการปลูกพืชผักแล้ว ยังมีการแบ่งพื้นที่ในการทำนาข้าว เพื่อจำหน่ายและปลูกข้าวพันธุ์ พันธุ์ข้าวที่ปลูก ได้แก่ ข้าวสังข์หยด ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าว กข 43 ข้าวหอมใบเตย และข้าวหอมปทุม โดยจะปลูกหมุนเวียนสลับกับการปลูกข้าวในแต่ละพันธุ์ ในแต่ละรอบเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคและแมลง เน้นปลูกข้าวเพื่อการแปรรูปเพิ่มมูลค่าข้าวในลักษณะข้าวบรรจุถุง มีการติดตั้งเครื่องสีข้าวขนาดเล็กในครัวเรือน โรงสีข้าวขนาดกลาง เครื่องคัดแยกเมล็ดข้าว เครื่องบดเมล็ดข้าว เครื่องบรรจุแบบสุญญากาศ เป็นการทำกันเองภายในครัวเรือน และคนในชุมชนซึ่งจะมีการประกันราคาข้าว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ปลูกข้าวมีกำลังใจในการทำ เหลือจากการรับประทานในครัวเรือนแล้ว สามารถส่งมาสีข้าวเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ถือเป็นการช่วยเหลือกันในชุมชน โดยข้าวที่มีการนำมาจัดจำหน่ายนั้น จะเป็นข้าวที่ปลอดสารพิษ มีขั้นตอนการผลิตที่ปลอดภัย จึงเหมาะสำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่มีทั้งประชาชนในพื้นที่และต่างพื้นที่แวะเวียนมาซื้อข้าวกันเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น จึงได้จัดตั้งเป็น “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวกลุ่มผลิตข้าวกล้องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ” (รหัสทะเบียน : 2-77-04-03/1-0030) ได้รับมาตรฐาน GAP พืชอาหาร (กษ 09-4401-77-007-000002) ซึ่งการปลูกข้าวเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้และพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องการทำนาปลูกข้าวที่มีมาแต่สมัยโบราณที่มีการร่วมมือร่วมใจกันของคนในชุมชน ไม่ใช้เครื่องทุ่นแรงในการปลูก ก่อให้เกิดความรักสามัคคี ในชุมชน ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในชุมชนให้ดีขึ้น รู้จักการสร้างรายได้และใช้จ่ายอย่างประหยัดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสามารถพึ่งพาตนเองได้ ชุมชนเข้มแข็งมากขึ้น โดยใช้หลักความพอประมาณ ความมีเหตุมีผลเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ในการประกอบอาชีพตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของคนในชุมชน มีความมุ่งมั่นเผยแพร่ความรู้การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ให้แก่คนในชุมชนและผู้สนใจได้เอาเป็นแบบอย่าง เน้นผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารพิษ ทำให้พื้นที่บ้านนายประเสริฐ ยุวกาฬกุล แห่งนี้ได้รับการพัฒนาเป็น “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบุราณบ้านสวน” “บุราณบ้านสวน” ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง แห่งนี้มีการผสมผสาน ทั้งการปลูกพืชผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชสมุนไพร กว่า 200 ชนิด ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว กล้วย เงาะ ทุเรียน มังคุด ฝรั่ง แก้วมังกร ขนุน หมาก สะตอ กระท้อน มะขามเปรี้ยวยักษ์ ผักกูด ผักเหลียง ผักหวานบ้าน ชะอม ตำลึง มะเขือ ผักบุ้ง ไผ่หวาน คะน้า พริก รวมทั้งปลูกพืชสมุนไพร เช่น พริกไทย บอระเพ็ด ขมิ้นชัน รางจืด ขิง ตะไคร้ นอกจากนี้ ยังปลูกไม้เศรษฐกิจ เช่น ไม้ตะเคียน ขี้เหล็ก สัก สะเดา ไผ่ ยางนา มีการเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เลี้ยงโค ทำนาปลูกข้าวไว้บริโภคในครัวเรือน โดยใช้หลักความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในการประกอบอาชีพตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง มีฐานเรียนรู้ให้กับผู้ที่มีความสนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้มากมายหลายฐาน ได้แก่ ฐานการเรียนรู้ผักพื้นบ้านเรา ฐานน้ำหมักมีชีวิต ฐานข้าวอินทรีย์ ฐานไก่ไข่อารมณ์ดี ฐานพี่ปลาดุก น้องหอยขม ฐานตลาดเกษตรชุมชน และฐานเกษตรเพื่อพ่อ มีการทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน ไม่มีการใช้สารเคมีในพื้นที่ทำเกษตรทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการแบ่งพื้นที่ให้กับผู้สูงอายุและคนในชุมชนมาปลูกพืชผัก ได้มาทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และมีรายได้ให้กับครอบครัว 


จากนั้นจะนำพืชผลทางการเกษตรมาวางจัดจำหน่ายหน้าบ้านและตามตลาดเกษตรกร ธกส.หน้าโรงพยาบาลให้ประชาชนได้บริโภคพืชผลที่ปลอดสารพิษและช่วยให้คนในชุมชนมีรายได้โดยเน้นการปลูกเอง ขายเอง ซึ่งก็ทำให้เห็นว่าผลผลิตจากศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เป็นที่ต้องการของตลาด และสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างยิ่งยืนโดยที่นายประเสริฐ มีแนวทางและมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างมากที่จะเผยแพร่ความรู้และแนวทางในการทําการเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้แก่คนในชุมชนและผู้ที่สนใจ โดยยึดหลัก “พูดให้ฟัง ทําให้ดู” และทําบริเวณบ้านของเขาให้เป็น ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนบ้านสวน เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่คนในชุมชม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง "การเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริ” เน้นการใช้แรงงานในครอบครัวเป็นหลัก สมาชิกในครอบครัวช่วยกันทําการเกษตร โดยยึดหลัก ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ทําให้นายประเสริฐ ยุวกาฬกุล และกลุ่มสมาชิกในชุมชนมีรายได้ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี จากศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบุราณบ้านแห่งนี้ ซึ่งนายประเสริฐ ยุวกาฬกุล ยังได้ให้ข้อคิดในช่วงสถานการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ชุมชนบ้านสวนได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะในชุมชนมีการช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน “บุราณบ้านสวน” ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่มีการการปลูกพืช ผัก ผลไม้ แต่ถือเป็นสถานที่และแหล่งเรียนรู้ที่มีประโยชน์และมีคุณค่าของคนในชุมชนและผู้ที่สนใจเรียนรู้ในการทำเกษตร แบบผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ ส่งเสริมการตลาด เพราะเมื่อมีการปลูกไว้รับประทานภายในครัวเรือนแล้ว การส่งเสริมสนับสนุนด้านตลาดก็มีความจำเป็น เพราะประชาชนบางราย ปลูกแล้วไม่มีที่จำหน่าย ก็ไม่ทำให้เกิดรายได้แต่ “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบุราณบ้านสวน”



นอกจากส่งเสริมสนับ เผยแพร่ความรู้ในด้านการทำเกษตรผสมผสาน การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ พร้อมยังส่งเสริมสนับสนุนพื้นที่และช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับคนในชุมชน ให้มีรายได้ได้พึ่งพาตนเอง ช่วยเหลือเกื้อกูล ทุกคนในชุมชนมีความสุข ตามแนวพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนในชุมชนและนักศึกษา กศน.อำเภอบางสะพานในเรื่องการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เชิงประจักษ์ที่ชัดเจน กศน.ตำบลร่อนทอง ได้ให้ความสำคัญในเรื่องแหล่งเรียนรู้ในชุมชน จึงได้จัดทำเนียบ แหล่งเรียนรู้ “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบุราณบ้านสวน” ให้เป็นที่ศึกษาเรียนรู้ของนักศึกษา กศน.ตำบลร่อนทอง โดยนายประเสริฐ ยุวกาฬกุล ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการพัฒนาการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยบางสะพาน อย่างต่อเนื่อง ทั้งเข้ามาเป็นคณะกรรมการสถานศึกษา เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่นักศึกษา กศน. ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน นักศึกษาเทียบระดับการศึกษา ประสานความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจัดกิจกรรมศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน กิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง กิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย อำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่จัดกิจกรรม รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักศึกษา กศน.อำเภอบางสะพาน ในเรื่องการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้บุคลากร กศน. นักศึกษา กศน. รวมถึงกลุ่มเป้าเหมายประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมกิจกรรมกับกศน.อำเภอบางสะพานมีความตระหนักและเห็นคุณค่าการดำรงชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 


ข้อมูลเนื้อหา  นายประเสริฐ ยุวกาฬกุล เขียนโดย นางสาวรุ้งทราย กลิ่นประยูร 
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ นางสาวรุ้งทราย กลิ่นประยูร 
ข้อมูล TKP อ้างอิง https://sites.google.com/dei.ac.th/tkp-prachaup-nfe/home




ศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตำบลละงู

 

ประวัติความเป็นมา

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยตำบลละงู อำเภอละงู ตั้งอยู่หมู่ที่ 12 อำเภอละงู จังหวัดสตูล สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสตูล ได้ผ่านการประเมินสถานศึกษาแบบอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (สถานศึกษาพอเพียง) เมื่อปี พ.ศ. 2556 จากนั้นได้มีการพัฒนาตนเอง หลักสูตรและแหล่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา นักศึกษา มีความรู้ความเข้าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ส่งผลให้สถานศึกษาประสบผลสำเร็จในเรื่องแหล่งเรียนรู้ และมีการขยายผลสู่ชุมชนทำให้มีอาชีพ สร้างรายได้จากการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์หลังจากเสร็จสิ้นจากการประกอบอาชีพหลัก นอกจากนี้ยังได้ขยายผลสู่สถานศึกษาอื่นเป็นภาคีเครือข่าย รับการถ่ายทอดหลักคิด การทำงาน การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 สถานศึกษาประสบความสำเร็จหลายอย่าง สถานศึกษามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา นักศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน เข้าใจและสามารถน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่วิถีชีวิตได้อย่างยั่งยืน จึงเห็นสมควรที่พัฒนาตนเองให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยมีโครงการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ต่อมาศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอละงู ได้เห็นความสำคัญของโครงการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้มีการพัฒนาต่อยอด ตามรอยพ่อหลวง มีการพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ ศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภายใน กศน.ตำบลละงู ได้มีการส่งเสริมและพัฒนา กศน.ตำบลละงู โดยมีเนื้อที่ทั้งหมดอาณาเขตตำบลละงู มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้ 

ทิศเหนือ               ติดต่อกับตำบลเขาขาว
ทิศใต้                    ติดต่อกับตำบลปากน้ำ ทะเลอันดามัน
ทิศตะวันออก        ติดต่อกับอำเภอท่าแพ
ทิศตะวันตก          ติดต่อกับตำบลกำแพง

ทิศทางความสำเร็จ

1. เพื่อให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประชาชน
2. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต


“วิธีการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา”

1. ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยแนวทางการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปจัดการศึกษา
2. จัดทำแนวทางการจัดการเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การเรียนการสอนโดยสอดแทรกทั้งในการจัดการเรียนการสอนทุกรายวิชาและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อให้เกิดการพัฒนาตามลำดับอย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ระดับบุคคลและครอบครัว สามารถนำไปประยุกต์ใช้นำไปขยายผลสู่ครอบครัวและชุมชนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
3. อบรมสัมมนาผู้บริหารการศึกษาให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
4. อบรมและพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปบูรณาการสู่การบริหาร การจัดการและการเรียนการสอน
5. จัดให้มีระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และส่งเสริม สนับสนุน การประสานการดำเนินงานของเครือข่าย
6. จัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศ ป้ายนิเทศและเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ภาพกิจกรรมการปรับปรุงสถานที่
             ปลูกต้นไม้บนคันคู และหว่านปอเทืองทำปุ๋ยพืชสด
  










       
             
เรียบเรียงเนื้อหาและภาพถ่าย โดย นางจินตนา หลงเก็ม ครู กศน.ตำบล 

ดาวน์โหลดเอกสาร

แหล่งเรียนรู้ชุมชนเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน

  แหล่งเรียนรู้ชุมชนเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน



หมู่บ้านดินเผาด่านเกวียน อยู่ห่างจากตัวเมือง 15 กิโลเมตร ตามทางหลวง สาย 224 (นครราชสีมา-โชคชัย)  ที่นี่เป็นหมู่บ้านทําเครื่องปั้นดินเผาหมู่บ้านหนึ่งของตําบลด่านเกวียน อําเภอโชคชัย จังหวัด นครราชสีมา เป็นสินค้า "โอทอป" (OTOP) หนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทตุ๊กตาดินเผาหรือเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียง และมีความโดดเด่นทั้งด้วยตัวสินค้าที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน และมีความสวยความด้านเอกลักษณ์และรูปแบบงานปั้นที่มีความหลากหลาย และกําลังเป็นสินค้าที่นิยมของตลาด



แต่เดิมพื้นที่บริเวณด่านเกวียนนั้นเป็นเมืองหน้าด่านที่เรียกว่า “ด่านกระโทก” ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าทางบกระหว่างนครราชสีมากับชายแดนกัมพูชา ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ํามูล ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมากคนท้องถิ่นส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทําไร่ทํานา  และค้าขายพืชผลทางการเกษตร และด้วยความที่ในสมัยก่อนมีพ่อค้าเกวียนจํานวนมากมาหยุดพักกองคาราวานในบริเวณนี้  ชุมชนดังกล่าวจึงถูกเรียกชื่อใหม่ว่า “ด่านเกวียน”  

แต่ก่อนที่จะมีคนไทยอพยพเข้าไปตั้งรกรากบริเวณชุมชนด่านเกวียน  พื้นที่ดังกล่าวเป็นถิ่นอาศัยของชาวข่า  ซึ่งเป็นคนเชื้อสายมอญ  ดังนั้นเมื่อมาอยู่รวมกันจึงเกิดการถ่ายทอดกรรมวิธีการทําเครื่องปั้นดินเผาขึ้น  ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนด่านเกวียนมักจะใช้เวลาในช่วงที่ว่างจากการทําเกษตรกรรมมาผลิตเครื่องปั้นดินเผาชนิดต่าง ๆ ไว้ใช้ในครัวเรือน อาทิ โอ่ง กระถาง ไห ครก รอฝนยา ฯลฯ รวมทั้งนําบางส่วนที่ผลิตได้ขนขึ้นเกวียนไปค้าขาย  หรือแลกเปลี่ยนสินค้ากับประเทศกัมพูชา ด้วย   


ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2485  จากนโยบายชาตินิยมของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม  ที่มุ่งเน้นให้เกิดการสร้าง รายได้จากสินค้าท้องถิ่น  อันมีส่วนสําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ  ได้แพร่เข้ามาในชุมชน ด่านเกวียน  จึงทําให้การผลิตมีวัตถุประสงค์เพื่อจําหน่ายมากยิ่งขึ้น  จนชุมชนด่านเกวียนกลายเป็นแหล่งค้าเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงในวงกว้าง  ปัจจุบันชุมชนเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน  สามารถผลิตสินค้า ได้หลากหลายประเภท  อาทิ เครื่องใช้ในชีวิตประจําวัน  เครื่องใช้ทางการเกษตร  ของตกแต่งบ้านและสวน  รวมทั้งเครื่องประดับ  โดยรูปแบบการผลิตยังคงเอกลักษณ์ทางภูมิปัญญาท้องถิ่นของด่านเกวียนเอาไว้ อย่างชัดเจน  ทั้งวัตถุดิบที่นํามาใช้ผลิต  การปั้น  การตกแต่งลวดลาย  และการเผา ให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี 


            
ในปัจจุบันนี้หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนมีร้านค้าเรียงรายอยู่สองฟากฝั่งและมีลําน้ํามูลทอดขนานอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ลักษณะเฉพาะของเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนนั้นอยู่ที่ดินที่นํามาใช้ กล่าวคือ ดินด่านเกวียนเป็นดินเหนียว เนื้อละเอียด ที่ขุดขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ํามูล ในพื้นที่ที่ชาวบ้านเรียกว่า กุด หรือแม่น้ําด้วน (ลักษณะลําน้ําที่คดเคี้ยว กัดเซาะตลิ่งจนขาด และเกิดลําน้ําด้วนขึ้น ส่วนที่เป็นแนวกัดเซาะจะกลายเป็นแหล่งทับถมดิน ดินดังกล่าวนี้เป็นดินซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ ง่ายต่อการขึ้นรูปทนทานต่อการเผา ไม่บิดเบี้ยวหรือแตกหักง่าย และที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือดินนี้เมื่อถูกเผาจะให้สีโดยธรรมชาติเป็นสีแดง ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากธาตุเหล็ก (Iron Oxide) เอกลักษณ์คือเมื่อนําไปเผาแร่เหล็กและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่เป็นส่วนผสมจะหลอมละลายเคลือบผิวภาชนะไปในตัว ทําให้ได้ชิ้นงานที่มีสีเป็นธรรมชาติออกสีดํามันหรือสีน้ําตาลแดง หรือสีเลือดปลาไหล ซึ่งเป็นสีที่ได้รับความนิยมว่าสวยที่สุด
 


หมู่บ้านด่านเกวียน ตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ได้รับคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ต้นแบบ ในปี พ.ศ. 2547 เป็นการบริหารจัดการทรัพยากรด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เน้นให้ความสำคัญด้านการพัฒนาคนในชุมชน และยึดชุมชนเป็นศูนย์กลางให้ชุมชนเป็นต้นแบบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวสินค้าควบคู่กับการให้บริการด้านต่าง ๆ ในชุมชนหมู่บ้านที่มีศักยภาพและการบริหารจัดการที่แข็งแรงมีผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ผ่านการคัดสรรตามโครงการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จะได้รับการคัดเลือกเป็นหมู่บ้านต้นแบบในการพัฒนาให้เป็นสถานที่ศึกษา และขยายผลไปสู่ชุมชนอื่น ๆ โดยหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนได้รับเกียรติให้เป็นหมู่บ้าน OTOP ต้นแบบ (Knowledge Based Village Cluster) แห่งแรกในภาคอีสานและเป็นหนึ่งในสี่ของประเทศ จากผลการดำเนินการผ่านมาทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งคณะศึกษาดูงานจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ เดินทางมาเยี่ยมชมหมู่บ้าน OTOP ต้นแบบเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนเป็นจำนวนมาก





ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นางสาวนัฐรินทร์  โล่ห์นารายณ์ 
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวนัฐรินทร์  โล่ห์นารายณ์ 
ข้อมูล TKP อ้างอิง https://sites.google.com/view/nattarin303/home




ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา

 ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา

หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เทิดไท้ มหาราชัน

นพค. 23 สนภ. 2 นทพ.

------------------------------------------------

      การดำเนินงานของหน่วย

ศูนย์การเรียนรู้ ฯ ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นพื้นฐานการกำหนดกิจกรรมภายในศูนย์  ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ ฯ ของหน่วย จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 49 ตามนโยบายของ ผบ.นทพ. ในขณะนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์สมบัติครบรอบ 60 ปี ปัจจุบันได้จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ ฯ เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหน่วยได้จัดกำลังพลเข้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่ ต.ค. 56 – มิ.ย. 57 สรุปได้ดังนี้ มีบัญชีรายรับ 28,927 บาท รายจ่าย 6,287 บาท คงเหลือ 22,640 บาท มีผู้เข้าเยี่ยมชมศูนย์ ฯ จำนวน 135 คน และเปิดการฝึกอบรมการเพาะพันธุ์ปลากับเกษตรกร โดยร่วมกับ กศน. อ.นาด้วง จ.เลย ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน  40 คน ในปี 2557 ได้ดำเนินการปรับปรุงบ่อพ่อ – แม่พันธุ์ปลา บ่ออนุบาลลูกปลา และการก่อสร้างอาคารโรงเพาะพันธุ์ปลานิลด้วยการเคาะปาก  รวมทั้งการปรับสภาพแวดล้อมภายในศูนย์การเรียนรู้ ฯ ให้มีความเหมาะสม

แผนผังสังเขปการบริหารจัดการพื้นที่ของศูนย์การเรียนรู้ ฯ โดยทางหน่วยได้บริหารจัดการพื้นที่ภายในศูนย์ โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ภายในศูนย์ ดังนี้

      ส่วนแผนผังของศูนย์การเรียนรู้ ฯ ประกอบด้วย





การจัดของศูนย์การเรียนรู้  ส่วนดังนี้

ไร่พอเพียง เนื่องจากศูนย์การเรียนรู้ของหน่วย มีพื้นที่ดำเนินการจำกัด จึงจัดกิจกรรมในพื้นที่ 1 ไร่พอเพียง  รอบ ๆ บริเวณสระเก็บน้ำ ประกอบด้วย การปลูกพืชผักสวนครัวการเพาะเห็ด การเลี้ยงเป็ด การเลี้ยงไก่พื้นเมืองการเลี้ยงไก่ไข่ การเลี้ยงปลาดุกและการเลี้ยงกบในบ่อขนาดเล็ก การปลูกไม้ผลและการผลิตปุ๋ยชีวภาพ


พื้นที่ส่วนกลาง โดยใช้อาคารศูนย์รวมใจต้านภัยยาเสพติด นพค. 23 ฯ เป็นพื้นที่สำหรับอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่เข้ามาศึกษาดูงานและฝึกอบรม ประกอบด้วย
1. สถานที่บรรยาย
2. เก้าอี้นั่งรับฟังการบรรยาย
3. เครื่องขยายเสียง
4. ระบบไฟฟ้า ประปา แหล่งน้ำต้นทุน
5. ป้ายโครงการและแผนผังศูนย์การเรียนรู้  


สำหรับการบริหารจัดการศูนย์การเรียนรู้ ฯ  ผลผลิตที่ได้จากศูนย์ ฯ หน่วยจำหน่ายให้กับ
โรงประกอบเลี้ยงของหน่วย , กำลังพลของหน่วย เป็นลำดับแรกหากผลผลิตมีมากจะนำไปจำหน่ายให้กับราษฎรทั่วไป   เพื่อนำรายได้มาเป็นทุนหมุนเวียนของศูนย์ ฯ ต่อไป เนื่องจากพื้นที่ภายใน
ศูนย์การเรียนรู้ ฯ ของหน่วย มีจำกัด หน่วยจึงได้จัดทำกิจกรรมภายในศูนย์ตามพื้นที่ที่มีอยู่ โดยเน้นให้กิจกรรมเกื้อกูลกันภายในศูนย์

ตำแหน่งที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในเขต  หมู่ที่ 4  บ้านโนนศิลา  ตำบลท่าสวรรค์ อำเภอนาด้วง  
จังหวัดเลย  42210 
การเดินทาง ใช้เส้นทางถนน เลย - นาด้วง เจอสี่แยกท่าสะอาดแล้วเลี้ยวขวาแล้วใช้
ถนน ท่าสะอาด – ท่าสวรรค์ ประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะพบทางแยกให้เลี้ยวขวาตรงทางเข้าหน่วน นพค 23 
ดูเส้นทางดีที่สุดสำหรับสภาพการจราจรปัจจุบันที่ www.google.com/maps/place/หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่+23+จังหวัดเลย หรือจับพิกัดได้ที่  17.420806,101.932213
ภาพคิวอาร์โค้ดที่ระบุพิกัดแหล่งเรียนรู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่น สําหรับให้บุคคลที่สนใจสแกนหาพิกัดของแหล่งเรียนรู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่น 
ลิงก์วิดีโอแนะนำหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 23 : https://www.youtube.com/channel/UCmPoVwgxktyrarsIDXE40Q/videos
ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นายธนาวุฒิ ศรีเหลา
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นายธนาวุฒิ ศรีเหลา, นพค. 23
      ข้อมูล TKP อ้างอิง https://shorturl.asia/B1cO8


 

ป่าชุมชนบ้านวังตามน “เรียนรู้และสืบสานงานของพ่อ”...สุโขทัย

  ป่าชุมชนบ้านวังตามน “เรียนรู้และสืบสานงานของพ่อ”...สุโขทัย

ตำบลนาขุนไกร เป็น 1 ใน 13 ตำบล ของอำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ที่มีความหลากหลายทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ และหนึ่งในนั้นก็คือ “ป่าชุมชนบ้านวังตามน” เป็นป่าชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เกิดจากความรัก ความสามัคคี ผสานวิถีชุมชนที่มีมาอย่างยาวนานของคนในชุมชน ที่ต้องการจะอนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ให้เป็นห้องครัวของชุมชน เป็นโรงหมอชาวบ้าน เป็นห้องเรียนธรรมชาติ และเป็นมรดกของชุมชนสืบถอดจากรุ่นสู่รุ่น

ประวัติความเป็นมาของป่าชุมชนบ้านวังตามน 

เริ่มต้นจากมีประชาชนเข้ามาอยู่อาศัยจับจองที่ดินทำกินเมื่อปี พ.ศ. 2487 โดยการนำของพ่อน้อย แม่สุ่ม ต่อมามีชาวบ้านที่ชื่อตามน ได้เข้ามาล่าสัตว์ที่ป่าแห่งนี้ ซึ่งในสมัยนั้นยังมีสภาพเป็นป่าดิบ นายมนล่ากวางได้ 1 ตัว จึงนำไปทำอาหารที่ข้างหนองน้ำในบริเวณป่า และได้นอนพักที่ป่าแห่งนี้ 1 คืน เมื่อตื่นขึ้นมาปรากฏว่า ตามนเป็นไข้ตัวร้อนมาก มีอาการหนาวสั่น จึงสันนิษฐานว่าเป็นไข้ป่าหรือไข้มาลาเรีย นายมนพยายามเดินออกจากป่า แต่เนื่องจากสภาพป่าเป็นป่าดิบ การเดินป่ามีความยากลำบาก จึงใช้เวลาหลายวัน นายมนทนอาการไข้ไม่ไหวได้เสียชีวิตในป่าแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน “วังตามน” หลังจากนั้นได้มีประชากรย้ายเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 ได้ก่อตั้งหมู่บ้าน ชื่อบ้านวังตามนขึ้น ซึ่งขณะนั้นมีประชากร จำนวน 50 ครัวเรือน และได้มีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นที่กลางหมู่บ้าน ชื่อว่าโรงเรียนบ้านวังตามน (น้อยประชาสรรค์) ในปี พ.ศ. 2530 ได้มีการก่อตั้งสำนักสงฆ์ ชื่อวัดถ้ำระฆัง โดยการนำของพระบุญช่วย สาทโร และในปี พ.ศ. 2536 ได้ดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อการสร้างวัดจากกรมป่าไม้ เนื่องจากบริเวณที่สร้างวัดเป็นเขตป่าสงวน และได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 และมีการแต่งตั้งพระอธิการบุญช่วย สาทโร เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก 


ในปี พ.ศ. 2546 ทางราชการได้มอบหมายให้ ส.ป.ก. เข้ามาจัดสรรพื้นที่ทำกินให้กับราษฎร และมีพื้นที่บางส่วนที่ถูกกันไว้เป็นพื้นที่ป่าสงวน แต่พื้นที่ป่าสงวนได้ถูกบุกรุกจับจองเป็นของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนดังกล่าว จึงทำให้ประชาชนในหมู่บ้าน โดยการนำของพระอาจารย์บุญช่วย สาทโร และผู้ใหญ่เสน่ห์ เป็นแกนนำประชาชนรวมตัวกันจัดตั้ง "กลุ่มรักษ์ป่าชุมชน"  ขึ้น เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ไว้เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น และมีการเปิดป่าชุมชนบ้านวังตามนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 

ป่าชุมชนบ้านวังตามน เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีความหลากหลายทางด้านพันธุ์พืชต่าง ๆ จำนวนมาก สามารถเข้าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ ได้ โดยเริ่มจากไม้ระดับสูง เช่น ไม้สัก เต็ง รัง มะค่า ประดู่ ยูคาลิปตัส  ไม้ชั้นกลาง เช่น ขี้เหล็ก เพกา ผักหวานป่า ไผ่ กระถินเทพา หวาย แก่นฝาง ห้อสะพายควาย ไม้ระดับต่ำ เช่น กล้วยป่า มะเหม่า กระถิน พวยงู กระเจียว ปอบิด ลูกใต้ใบ ฟ้าทะลายโจร ไม้เลื้อยต่าง ๆ เช่น มะระขี้นก ตำลึง และไม้หัวใต้ดิน เช่น กลอย ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพันธุ์พืชแล้ว ป่าชุมชนบ้านวังตามนยังเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศ จนคนในชุมชนเรียกป่าแห่งนี้ว่า เป็นซุปเปอร์มาเก็ตของชุมชน เพราะมีอาหารมากมายให้เก็บรับประทานได้ทุกฤดูกาล เช่น หน่อไม้ เห็ดชนิดต่าง ๆ ดอกกระเจียว พืชสมุนไพรรักษาโรคและบำรุงร่างกาย แต่การเข้าเก็บผลผลิตของป่าต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของหมู่บ้าน โดยมีทีมผู้นำที่มีความสามารถ นำโดยท่านพระครูโฆษิต บุญโญปถัมภ์ เจ้าอาวาสวัดถ้ำระฆังผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็งและประชาชนที่เคารพกฎระเบียบของหมู่บ้านเป็นสำคัญ จึงทำให้ป่าชุมชนแห่งนี้ไม่มีผู้บุกรุกผืนป่าเกิดความอุดมสมบูรณ์จนได้รับรางวัลการันตีมากมาย ดังนี้
1. รางวัลป่าชุมชนตัวอย่าง ระดับจังหวัด โครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ประจำปี 2551
2. โล่ประกาศเกียรติคุณ การดูแลช่วยเหลือราชการกรมป่าไม้ สาขาส่งเสริมและพัฒนาป่าชุมชน มอบให้กับพระอาจารย์บุญช่วย สาทโร เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2551
3. รางวัลป่าชุมชนตัวอย่าง ระดับภาค (ภาคเหนือ) ตามโครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2551 จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
4. รางวัลลูกโลกสีเขียว จากบริษัท ปตท. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555
5. รางวัลชนะเลิศ “ชุมชนจิตอาสาดีเด่น” จากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2564

กิจกรรมการเรียนรู้ของแหล่งเรียนรู้ ป่าชุมชนบ้านวังตามน “เรียนรู้และสืบสานงานของพ่อ” ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การศึกษาพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ พันธุ์พืชสมุนไพรในท้องถิ่น ของป่าหายาก การศึกษาแหล่งเตาเผาปูนโบราณ การปลูกป่าชุมชนและสร้างแนวกันไฟ และการศึกษาเรียนรู้กิจกรรมสำคัญทางศาสนา เนื่องจากมีวัดถ้ำระฆัง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณป่าชุมชนบ้านวังตามน มีประเพณีตักบาตรเทโวที่ยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยมีพระสงฆ์เดินรับบิณฑบาตลงมาจากบันไดเขาถ้ำระฆัง ซึ่งมีจำนวน 649 ขั้น นับเป็นกิจกรรมสำคัญทางศาสนาที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนบ้านวังตามนและชุมชนใกล้เคียง มีกิจกรรมฟังเทศน์ ปฏิบัติธรรม ค่ายคุณธรรมของสถานศึกษา เนื่องจากบริเวณวัดมีความสงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง



ปัจจัยที่ทำให้แหล่งเรียนรู้ ป่าชุมชนบ้านวังตามน ประสบความสำเร็จในการเป็นแหล่งเรียนรู้ระดับพื้นที่ คือ ความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชน การร่วมแรง ร่วมใจในการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างบ้าน วัดและโรงเรียน ที่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบายการจัดการศึกษาในทศวรรษที่ 21

ข้อมูลเนื้อหา : นางชุติมณฑน์ ขำสาธร
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ : นางชุติมณฑน์ ขำสาธร
ข้อมูล TKP อ้างอิง :https://264sukhothai.blogspot.com/2020/07/blog-post_60.html?m=0

 






ข้อคิดเห็นจากเครือข่าย TKP

 
Copyright © 2018 Thailand Knowledge Portal. Designed by OddThemes > Developed by mediathailand